กัญชาฟีเวอร์เปิดเทรนด์ใหม่ในสมรภูมิธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ชนิดที่ทุกค่ายแห่กระโดดเกาะกระแสประชันสร้างสรรค์เมนูดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่กำลังอยากลิ้มชิมรสชาติและลองสรรพคุณ เพื่อพลิกฟื้นรายได้รอบใหม่หลังผ่านวิกฤตโควิดมาอย่างสะบักสะบอม
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากหลายสถาบันต่างคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของตลาดกัญชาในทิศทางเดียวกันจนขึ้นแท่นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ สามารถสร้างรายได้มหึมาและผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางหรือ HUB กัญชากัญชง หลังจากได้รับการปลดล็อกจากทะเบียนยาเสพติดประเภทที่ 5 มีผลตั้งแต่ปลายปี 2563 โดยสามารถนำส่วนต่างๆ มาใช้ประโยชน์เพื่อการพาณิชย์ได้
ประกอบด้วย 1. ใบที่ไม่ติดกับช่อดอก เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่ง ก้าน ราก 2. เมล็ดกัญชง น้ำมัน-สารสกัดจากเมล็ดกัญชง 3. สารสกัดที่มีผลต่อจิตประสาท CBD (Cannabidiol) และสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ที่ยังเป็นยาเสพติด แต่ต้องไม่เกิน 2% โดยส่วนที่อนุญาตให้ใช้ต้องมาจากหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังยกเว้น ช่อดอกกัญชา เมล็ดกัญชา และช่อดอกกัญชง ซึ่งยังไม่ปลดล็อกจากยาเสพติด
ทั้งนี้ ตามรายงานของ The Global Cannabis Report ของ Prohibition Partners ผู้ให้บริการข้อมูลเชิงลึกและที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ชั้นนำระดับโลก ประเมินมูลค่าตลาดกัญชาทั่วโลกจะเติบโตสูงมากและต่อเนื่องจนถึงปี 2567 คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.03 แสนล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นตลาดกัญชาเพื่อการแพทย์ สัดส่วน 60% และตลาดกัญชาเพื่อการสันทนาการ 40% โดยตลาดหลักคือ สหภาพยุโรป มูลค่าประมาณ 39,000 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาคือ สหรัฐฯ 37,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเอเชีย 12,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะเดียวกัน Cannabit Addict ระบุว่า มีประเทศที่ปลดล็อกกัญชาทั้งหมดและปลดล็อกบางส่วนรวม 69 ประเทศ จาก 193 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นสัดส่วน 36% ของประเทศทั้งหมด ซึ่งดูเหมือนทางการไทยต้องการผลักดันการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ทั้งตลาดภายในประเทศและการส่งออก
ผลปรากฏว่า เสียงตอบรับดีเยี่ยม ปลุกกระแสการบริโภค “สายเขียว” ร้อนแรง ดึงดูดทั้งกลุ่มลูกค้าและผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารเชนยักษ์ใหญ่
บุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN กล่าวว่า กระแสกัญชาที่กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั่วโลก ส่งผลให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในประเทศ เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา เพื่อสร้างประสบการณ์และความแปลกใหม่ ซึ่งเซ็น กรุ๊ป ตัดสินใจนำร้านอาหารไทย 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ ตำมั่ว เดอ ตำมั่ว ร้านสตรีทฟู้ด “เขียง” และร้านอาหารฟิวชั่นสไตล์อีสาน-เวียดนาม ‘ลาวญวน’ เปิดตัวเมนูอาหารไทยที่มีใบกัญชาเป็นส่วนประกอบ
รูปแบบมีทั้งการเสิร์ฟใบกัญชารูปแบบใบสด ต้ม และทอดกรอบ นำร่องที่ร้านอาหารเดอ ตำมั่ว สาขาเกษร ทาวเวอร์ เป็นสาขาแรก 2 เมนู คือ ไก่ต้มอารมณ์ดี (ไก่ต้มริมโขง) และยำอารมณ์ดี (ยำผักหวานกุ้งสด) และมีแผนขยายไปยังร้านตำมั่ว สาขา I AM Chinatown และ ปตท. เมืองทองธานี
ส่วนร้านเขียงเตรียมเปิดตัวเมนูกะเพราใบกัญชา สาขาแรกที่ เกษร ทาวเวอร์ และเมืองทองธานี รวมถึงขยายเมนูอาหารไปสู่ร้านอาหารลาวญวนเพิ่มเติม โดยบริษัทสั่งซื้อใบกัญชาจากรัฐวิสาหกิจชุมชน จ.นครพนม ซึ่งได้ขออนุญาตจัดสร้างโรงเรือนเพื่อเพาะปลูกกัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเจรจารับซื้อวัตถุดิบใบกัญชาจากรัฐวิสาหกิจชุมชน หรือแหล่งเพาะปลูกอื่นๆ เพื่อจัดเตรียมวัตถุดิบให้เพียงพอ เนื่องจากคาดการณ์ยอดลูกค้าเข้าร้านจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15-20%
นอกจากนี้ ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงที่มีส่วนผสมของกัญชา นำร่องจากผลิตภัณฑ์น้ำปลาร้าผสมใบกัญชา แบรนด์ ‘ตำมั่ว’ คาดว่าจะเปิดตัวในครึ่งปีหลังผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด และร้านตำมั่วทุกสาขา
ด้านบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เปิดเมนูเครื่องดื่มและอาหารใหม่ที่มีส่วนผสมของใบกัญชาที่ร้านกาแฟ พันธุ์ไทย และคอฟฟี่ เวิลด์ ประกอบด้วย อเมริกัญโน่ กัญชาไทย และกัญโซดา เยลลี่ จำหน่ายในราคาแก้วละ 99-109 บาท
เมนูอาหาร ได้แก่ เมนูข้าวกะเพราต่างๆ เช่น เบคอน-หมูย่าง-ไก่กรอบ ราคาเริ่มต้น 119-179 บาท และเมนูรับประทานเล่น เช่น กัญชาชุบแป้งทอด ราคา 59 บาท และเตรียมเปิดตัวเมนูพิเศษ เตี๋ยวเรือร่าเริง จำหน่ายสาขาแรกที่สถานีน้ำมัน PT หนองแขม ในวันที่ 1 เมษายนนี้
ส่วนบิ๊กฟังก์ชันนอลดริงค์ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) ออกเครื่องดื่มผสมกัญชาซีรีส์ใหม่ผ่านหน้าร้าน HAVE A sip DAY CAFE by เพรียว ใจกลางย่านสยามสแควร์ และร้าน All Coco สาขาเซ็นทรัล อีสต์วิลล์
หรือแม้กระทั่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ยังตั้งเป้าหมายผลักดันพืชกัญชง ขยายยุทธศาสตร์ “ครัวโลก” โดยลงนามความร่วมมือทางวิชาการและความร่วมมือพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปจากพืชกัญชงกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เนื่องจากพืชกัญชงมีคุณประโยชน์สูง โดยเฉพาะ CBD ที่งานวิจัยในต่างประเทศพบว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพด้านระบบประสาท สมอง ระบบหัวใจ มีสารกลุ่มเทอร์ปีนที่ช่วยผ่อนคลาย และสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
ขณะที่เมล็ดของพืชกัญชงมีคุณค่าทางโภชนาการ เป็นแหล่งโปรตีนที่มีกรดอะมิโน ไขมันโอเมก้า 3, 6, 9 และกากเมล็ดกัญชงยังเป็นวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ได้
มีรายงานว่า ธุรกิจร้านอาหารอีกหลายค่ายกำลังเร่งแตกไลน์อาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบกัญชา เพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ครั้งใหญ่ อย่างเช่นกลุ่มคาราบาวกรุ๊ป และบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี)
ที่สำคัญ กัญชากัญชงกำลังเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่ปลุกความหวังกระตุ้นภาพรวมธุรกิจร้านอาหารที่มีเม็ดเงินมากกว่า 4.4 แสนล้านบาท มีลุ้นเติบโตก้าวกระโดดได้
Credit: gotomanager.com
0 Comments